Passive Voice ใช้อย่างไร?
โครงสร้าง Passive Voice คือ v. to be + v.3
-- ตัวอย่าง --
eat แปลว่า กิน
v. to be + eaten แปลว่า ถูกกิน
"My cake was eaten."
เค้กของฉันถูกกินไป
( นำสิ่งที่ถูกกระทำมาไว้ในตำแหน่งประธาน )
มาดูกันว่าเมื่อไรที่เราควรใช้ Passive Voice บ้าง?
1. เมื่อต้องการเน้น “สิ่งที่ถูกกระทำ”
Passive Voice คือการนำ “สิ่งที่ถูกกระทำ”
มาขึ้นต้นประโยคในตำแหน่งของประธาน
เน้นถึง “สิ่งที่ถูกกระทำ” มากกว่าคนทำ
-- ตัวอย่าง --
"Avatar was directed by James Cameron."
ภาพยนตร์เรื่องอวาตาร์ กำกับโดยเจมส์ คาเมรอน
( ให้ความสำคัญกับภาพยนตร์มากกว่าตัวผู้กำกับ )
2. เมื่อไม่รู้หรือไม่ต้องการระบุว่าใครทำ
Passive Voice สามารถละ “คนทำ” ทิ้งไปได้
เราจึงใช้ตอนที่เราไม่รู้หรือไม่ต้องการระบุว่าใครทำ
-- ตัวอย่าง --
"My bike was stolen."
รถจักรยานของฉันถูกขโมย
( ไม่รู้ว่าใครเป็นคนขโมย )
"It is said that he left the country two years ago."
ว่ากันว่าเขาหนีออกนอกประเทศเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
( ไม่รู้ว่าใครบอก แค่ได้ยินต่อ ๆ กันมา )
"The hostage was killed brutally."
ตัวประกันถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด
( ไม่จำเป็นต้องระบุ รู้กันว่าหมายถึงฆาตกร )
"My flight was cancelled."
เที่ยวบินของฉันถูกยกเลิก
( ไม่จำเป็นต้องระบุ รู้กันว่าหมายถึงสายการบิน )
3. เมื่อใช้ในการเขียนแบบทางการ
เรามักจะใช้ Passive Voice ในการเขียนแบบทางการ
หรือการเขียนงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์
-- ตัวอย่าง --
"It was estimated that Bangkok’s population had plummeted to 12 million."
มีการประมาณว่าประชากรกรุงเทพฯลดลงเหลือ 12 ล้านคน
( ใช้คำว่า มีการ… เพื่อความทางการ )
เห็นรึยังคะว่าเรื่อง Passive Voice นั้นไม่ยากเลย
และเป็นเรื่องที่เจอบ่อยมากทั้งในชีวิตประจำวันและในข้อสอบ
ถือเป็นหนึ่งในไวยากรณ์ขั้นพื้นฐาน
ที่คนเรียนภาษาอังกฤษต้องเข้าใจ
เพื่อต่อยอดทักษะในการเขียนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่ะ