CU-TEP ย่อมากจาก Chulalongkorn University - Test of English Proficiency
คะแนน CU-TEP เอาไปทำอะไรได้บ้าง?
ยื่นเข้าเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี ( ภาคอินเตอร์ )
รวมถึงระดับปริญญาโททั้งภาคปกติและภาคอินเตอร์
และยื่นสมัครงานในหน่วยงานหรือองค์กรบางแห่งได้อีกด้วย
ข้อสอบ CU-TEP มี 120 ข้อ มีคะแนนเต็ม 120 คะแนน
คิดเป็นข้อละ 1 คะแนนนั่นเอง
แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
CU-TEP Listening
ส่วนที่ 1 คือ Listening หรือทักษะการฟัง
มีจำนวน 30 ข้อ มีเวลาให้ทำข้อสอบ 30 นาที
ประกอบไปด้วยการฟังบทสนทนาสั้น ๆ
บทสนทนาที่ยาวขึ้นมา
และการฟังบทความทางวิชาการ
เทคนิคของการทำข้อสอบ Listening
ให้อ่านโจทย์ล่วงหน้า 1 ข้อ ฟัง แล้วตอบ
เมื่อตอบแล้วให้รีบไปอ่านโจทย์ข้อต่อไปทันที
ดังนั้นการฝึกทำโจทย์ Listening
นอกจากจะต้องฝึกฟังบทสนทนาแล้ว
ยังต้องฝึกอ่านโจทย์ให้เร็วด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสมาธิในการฟัง
ถ้าฟังข้อใดไม่ทันจริง ๆ ไม่ควรคิดเสียดาย
ให้ตัดสินใจเลือกตอบข้อใดข้อหนึ่ง
แล้วไปโฟกัสที่ข้อต่อไปเลยดีกว่า
จะได้ไม่เสียคะแนนข้ออื่น ๆ ไปด้วย
CU-TEP Reading
ส่วนที่ 2 คือ Reading หรือทักษะการอ่าน
มีจำนวน 60 ข้อ มีเวลาให้ทำข้อสอบ 70 นาที
ในส่วนนี้จะประกอบไปด้วย Cloze Test
คือข้อสอบที่มีบทความ และมีช่องว่างให้เราเลือกคำตอบมาเติม
อาจวัดเรื่องคำศัพท์ หรือไวยากรณ์ก็ได้
นอกจากนี้ยังมี Reading Comprehension
คือข้อสอบที่มีบทความมาให้อ่านแล้วตอบคำถามให้ถูกต้อง
โดยบทความที่นำมาให้นั้นมีทั้งมาจากข่าว ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เรื่องราวในประวัติศาสตร์ บทความทางวิชาการ
ต้องอาศัยการอ่านที่เร็วและแม่นยำ
และมีคลังคำศัพท์ในหัวเยอะพอสมควรเลยค่ะ
CU-TEP Writing
ส่วนที่ 3 คือ Writing หรือทักษะการเขียนและไวยากรณ์
มีจำนวน 30 ข้อ มีเวลาให้ทำข้อสอบ 30 นาที
ข้อสอบในส่วนนี้จะเป็น Error Identification ทั้งหมด
โดยจะมีประโยคมาให้ และจะมีส่วนที่ถูกขีดเส้นใต้อยู่ 4 จุด
เราจะต้องเลือกว่าจุดไหนผิดหลักไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษ
ซึ่งผู้สอบจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องไวยากรณ์เยอะพอสมควร
ค่าธรรมเนียมการสอบ CU-TEP จะอยู่ที่ครั้งละ 900 บาท
และผลสอบมีอายุ 2 ปีนับจากวันสอบ
ช่องทางการสมัครสอบและข้อมูลเพิ่มเติม
สามารถเข้าไปที่ http://www.atc.chula.ac.th/th_html/th_tep.html